garlico กระเทียมโทนสกัด

Garlico

กระเทียมโทนสกัด ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษ ที่ง่ายต่อการดูดซึมเเละยังปลอดภัยไร้สารเคมี
เหมาะสำหรับผู้ที่ มีปัญหาเกี่ยวกับ ระบบเลือด เช่น ไขมันอุดตัน หลอดเลือดตีบ หรือต้องการลดน้ำหนัก

Garlico กระเทียมโทนสกัด ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Bio-Botanical Dynamic

Bio-D Technology หรือ Bio-botanical Dynamic Technology
คือเทคโนโลยีในการดึงสารต่างๆ
ของพืชสมุนไพรมาเก็บไว้ให้อยู่ในรูปแบบที่ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่เ
ซลล์ของร่างกาย โดยผลิตภัณฑ์ของเรายึดหลักสำคัญคือ
– เก็บสารอาหารสำคัญได้ได้อย่างครบถ้วน
– ดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้ง่าย
– ไม่มีสารเคมีในกระบวนการผลิต
– กราศจากเชื้อราและแบคทีเรีย

ได้รับ 6 รางวัล นวัตกรรมจาก 10th European Exhibition of Creativity and Innovation
EUROINVENT-2018» at Palace of Culture, IASI – ROMANIA

Garlico กระเทียมโทนสกัด ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Bio-Botanicle Dynamic

  • เร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายและหลอดเลือด
  • ยับยั้งการสะสมไขมันบริเวณผนังหลอดเลือด
  • ฟื้นฟูหลอดเลือดและลดการอักแสบ
  • กระตุ้นการหลั่งสารอินซูลิน
  • มีสารซีลีเนียมซึ่งช่วยดูแลระบบต่อมไทรอยด์ให้ทำงานปรกติ
  • ดูแลระบบทางเดินอาหาร
  • ลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะ
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ลดการอักเสบของบาดแผล

ทำไมกระเทียมถึงถูกขนาดนามว่า “ราชาแห่งสมุนไพรหลอดเลือด”?

สรรพคุณของกระเทียมทำหน้าที่คล้ายการ “ล้างท่อเลือด” คือ ถ้าเปรียบเทียบหลอดเลือดของเราเป็น “ท่อ” ไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดก็คือ “ตระกรัน” เมื่อท่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานานก็จะมีตระกรันไขมันเกาะตามผนังท่อด้านใน เมื่อตระกรันหนาขึ้นๆ ก็จะทำให้ท่อตีบจนถึงแตกอุดตันในที่สุด เป็น สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น การทานกระเทียมเป็นประจำจะช่วยสลายตระกรันไขมันออกจากหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด

  • ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ลดระดับคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด และป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด โดยอัลลิซินและไดซัลไฟด์ในกระเทียมมีฤทธิ์ในการช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน รวมถึงช่วยขัดขวางการสะสมของคอเลสเตอรอล อัลลิซินสามารถรวมตัวกับไขมันกลายเป็นอัลลิซินที่เป็นไขมัน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถป้องกันการออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล ทำให้คอเลสเตอรอลไม่สามารถเกาะที่ผนังหลอดเลือดได้ ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ไม่ตีบตันอันเนื่องมาจากการจับตัวหนาของคอเลสเตอรอลบริเวณผนังหลอดเลือด และส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปอย่างราบรื่น
  • ช่วยป้องการการอุดตันของลิ่มเลือด ไดซัลไฟด์ เป็นสารที่ระงับการแข็งตัวของเลือด ส่วนอัลลิซิน สามารถช่วยลดความข้นหนืดของเลือด การรับประทานกระเทียมจะช่วยทำให้เกล็ดเลือดบางลงและไม่เป็นลิ่มเลือดจนสามารถอุดตันในระบบหลอดเลือดได้
  • ช่วยเกี่ยวกับระบบหายใจ อัลลิซินมีฤทธิ์ในการช่วยป้องกันเยื่อบุจมูกอักเสบ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ อาการน้ำมูกไหล บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ช่วยป้องกันโรคหวัดและโรคไข้หวัดใหญ่
  • ช่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร อัลลิซินช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร ส่งเสริมการย่อย บรรเทาอาการท้องผูก แก้โรคท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ช่วยสมานแผลในกระเพาะ ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อเนื่องจากอาหารไม่ย่อย ช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่น
  • ช่วยเกี่ยวกับระบบผิวหนัง ลดรอยนูนของแผลเป็นคีลอยด์ กระเทียมนั้นช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณชั้นหนังแท้นั้นลดการสร้างคอลลาเจนที่เกินปริมาณที่จำเป็น ทำให้เลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงบริเวณนั้นลดลง ก่อให้เกิดการฝ่อของผิวหนังบริเวณที่เป็นแผลเป็นคีลอยด์ เมื่อเกิดการฝ่อทำให้รอยนูนของแผลเป็นคีลอยด์ยุบลง
  • ช่วยลดการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย สารอัลลิซิน และสารอัลลิอิน มีสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย หรือออกฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบอ่อน ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดอาการอักเสบ ช่วยป้องกันโรคหวัดและโรคไข้หวัดใหญ่
  • ช่วยลดความอ่อนเพลีย สารอัลลิซินสามารถรวมตัวกับวิตามินบี1 จะได้เป็นแอลลีล-ไทอามีน สามารถช่วยฟื้นฟูความอ่อนเพลีย และกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น ซีลีเนียมจะควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ ทั้งยังช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น และส่งเสริมการสร้างกำลังของเซลล์โดยการนำออกซิเจนไปเลี้ยงให้เพียงพอ ทำให้อวัยวะต่างๆได้รับสารอาหารและออกซิเจนได้มากขึ้น ความอ่อนเพลียจึงลดลง
  • ช่วยเสริมภูมิต้านทานและลดภูมิแพ้ สารอัลลิซินจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย โดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว เช่น มาโครเฟจ (Macrophage) เพิ่มขึ้นจะส่งผลในการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดอาการภูมิแพ้
  • ช่วยชะลอความเสื่อม ต้านอนุมูลอิสระ สารซีลีเนียมและไดซัลไฟด์ในกระเทียมมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระหรือเป็นแอนติออกซิแดนต์ ช่วยชะลอความแก่ ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายมนุษย์ให้อยู่ในภาวะปกติ

Check-List จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีตระกรันไขมันอุดตันในหลอดเลือดสูงจนเป็นอันตราย?

 

จริงอยู่ว่าโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดเป็นภัยเงียบที่ตรวจไม่พบและไม่แสดงอาการร้ายแรง รู้ตัวอีกทีก็เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองแต่เมื่อหลอดเลือดเริ่มอุดตัน ร่างกายของเราจะส่งสัญญาณบางอย่างที่นับได้เป็น “สัญญาณเตือน” ได้เช่นกัน ลองสังเกตดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?


รู้สึกเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัวตามส่วนต่างๆ ปวดเวลาลุกขึ้นยืน หรือขยับ แสดงว่าเริ่มอุดตันแล้ว เพราะเลือดไหลไปเลี้ยงส่วนที่อุดตันไม่เพียงพอ ทำให้รู้สึกเมื่อยตลอดเวลา


อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เพลียตอนบ่ายๆ เป็นประจำ หรือวูบระหว่างขับรถ เพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี หัวใจและสมองขาดเลือด


เจ็บหน้าอก หรือปวดหัวเป็นระยะๆ อาจเข้าขั้นอุดตันรุนแรง หากรู้สึกแบบนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตเฉียบพลันได้


กลุ่มเสี่ยงของโรคหลอดเลือดอุดตัน 2 กลุ่มใหญ่คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีน้ำหนักเกิน เพราะ สองกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญพลังงานลดลง ทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น จึงต้องคอยสังเกตและระวังเป็นพิเศษ

การรับประทาน


  • สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลเรื่องไขมันและความดันโลหิตสูง รับประทาน 3 มื้อ มื้อละ 3 เม็ดหลังอาหาร
  • สำหรับผู้ต้องารดูแลสุขภาพทั่วไป รับประทาน 2 มื้อ เช้า-เย็น มื้อละ 3 เม็ด
  • สำหรับผู้ต้องการดูแลระบบทางเดินอาหาร หรือผู้ป่วยโรคกระเพาะเรื้อรัง รับประทาน 3 มื้อ มื้อละ 3 เม็ดก่อนอาหาร
  • สำหรับผู้ที่มีอาการ อาหารเป็นพิษหรือท้องเสียจากแบคทีเรีย รับประทาน 6 เม็ด ต่อเนื่องทุก 1-2 ชม. จนกว่าอาการจะปรกติ

ช่องทางการสั่งซื้อ